วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ชาลดอยากอาหาร ทีเด็ดสมุนไพรไทย

ทึ่ง! สมุนไพรไทยปรุง "ชาไม่อยากข้าว" แก้โรคอ้วนปัญหาใหญ่ของประเทศ เผยได้สูตรลับมาจากหมอยาแห่งปราจีนบุรี มีส่วนประกอบคือหญ้าดอกขาว ที่สหรัฐจดสิทธิบัตรใช้ลดความอยากอาหาร กับหอมแขก ซึ่งญี่ปุ่นนำไปจดสิทธิบัตรเป็นตัวกรองบุหรี่ ชวนเที่ยวงานสมุนไพรไทยครั้งที่ 9 สาธิตการนวดแก้นิ้วล็อก
    ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 9 นวดไทย มรดกไทย สู่มรดกโลก ทางโรงพยาบาลจะนำสูตร “ชาไม่อยากข้าว” มาเผยแพร่ให้กับประชาชนรู้จัก เนื่องจากโรคอ้วนนับเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญ และเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคเรื้อรังหลายชนิดตามมา อาทิ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน เป็นต้น สาเหตุสำคัญของโรคอ้วนก็คือ การบริโภคอาหารมากเกินไปนั่นเอง
    สูตรชาไม่อยากข้าว ดร.สุภาภรณ์กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลได้รับความรู้มาจากหมอส่วน สีมะพริก หมอยาจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งในตำรับชาประกอบด้วยสมุนไพร 2 ชนิด คือ หญ้าดอกขาว หรือหญ้าหมอน้อย และหอมแขก จากการสืบค้นข้อมูลพบว่าในประเทศสหรัฐอเมริกามีการจดสิทธิบัตรสารสกัดจากหญ้าดอกขาวในการใช้เพื่อลดความอยากอาหาร โดยทำในรูปของยาพ่นเข้าทางจมูก ทางโรงพยาบาลก็จะเผยแพร่ทั้งในรูปชาชงและยาอบ เพราะในภูมิปัญญาดั้งเดิมมีการใช้ในรูปชาชง ส่วนการใช้ยาอบนั้นเป็นการสูดเอาไอเข้าทางจมูก ซึ่งให้ผลเหมือนกับยาพ่น
    ในส่วนของสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบคือ หอมแขก มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Curry leaf ที่ปัจจุบันมีงานวิจัยในต่างประเทศมากมายถึงประสิทธิภาพในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยย่อย จากประสบการณ์การทำงานร่วมกับหมอยาพื้นบ้านในส่วนต่างๆ ของประเทศไทย มีการใช้หญ้าดอกขาวอดเหล้า อดบุหรี่ จนกระทั่งบริษัทในญี่ปุ่นจดสิทธิบัตรในการเป็นตัวกรองบุหรี่เพื่อลดการติดบุหรี่ ทั้งๆ ที่เป็นภูมิปัญญาของคนไทย
    ดร.สุภาภรณ์กล่าวว่า นอกจากช่วยอดเหล้า อดบุหรี่แล้ว ยังมีการใช้สมุนไพรดังกล่าวลดการอักเสบในโรคหลอดลม ปวดเมื่อย เบาหวาน จากประสบการณ์การใช้หญ้าดอกขาวอย่างยาวนาน หมอพื้นบ้านทุกคนต่างพูดตรงกันว่า กินยาหญ้าดอกขาวแล้วจะไม่อยากข้าว จึงไม่แปลกใจเลยว่ามีการนำความรู้นี้ไปจดสิทธิบัตร แต่รู้สึกสงสารประเทศไทยมากกว่า ทั้งๆ ที่ในอดีตเรามียาดีๆ อยู่เยอะ แต่ความรู้ด้านการใช้สมุนไพรไม่แพร่หลายมากนักในหมู่คนไทย แต่กลับตกไปอยู่ในมือต่างชาติ
    สำหรับผู้ที่สนใจอยากทดลองใช้ยาชง ยาอบไม่อยากข้าว ขอเชิญได้ที่งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 9 นวดไทย มรดกไทย สู่มรดกโลก วันที่ 5-9 กันยายน 2555 ที่อาคาร 7-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
    ทั้งนี้ การจัดงานสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 9 นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงว่า ปีนี้จะรวมหมอพื้นบ้าน 18 องค์กร 100 เครือข่ายทั่วประเทศ มาร่วมแสดงองค์ความรู้ภูมิปัญหาหมอพื้นบ้านที่สั่งสมมาตั้งแต่โบราณ ดังมีจารึกในสมัยพระบรมไตรโลกนาถ ถึงการรักษาด้วยยาสมุนไพรและการนวดแบบไทย และรัฐบาลมีนโยบายที่จะผลักดันการใช้แพทย์แผนไทยมาใช้รักษาอาการปวดเมื่อย ลดการอักเสบ แทนยาปัจจุบันทุกชนิดที่ส่วนใหญ่เป็นยาจากต่างประเทศ ซึ่งไทยใช้แต่ละปีมีมูลค่ากว่า 200,000 ล้านบาท
    ด้าน นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 9 นี้ จะมีการสาธิตการรักษาด้วยแพทย์แผนไทย เช่น การนวดรักษาโรคนิ้วล็อก ที่ปัจจุบันต้องทำการรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น แต่เรามีผลงานวิจัยยืนยันชัดเจนว่า การนวดแผนไทยช่วยรักษาโรคดังกล่าวได้ นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดอบรมหลักสูตรแพทย์แผนไทยระยะสั้นประมาณ 40 หลักสูตรให้กับผู้สนใจเข้าร่วมงานด้วย
    นพ.สุพรรณกล่าวว่า จะมีประชุมเครือข่ายประเทศลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ คือ ไทย กัมพูชา จีน ลาว พม่า และเวียดนาม มาประชุมร่วมกันเป็นครั้งที่ 5 เพื่อยกระดับเครือข่ายหมอพื้นบ้านลุ่มน้ำโขง พร้อมจัดทำกรอบความร่วมมือและแผนการอนุรักษ์การแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ชาติพันธุ์ในลุ่มน้ำโขงร่วมกัน รับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558.


จากหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์  28/8/2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น